วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550


















สถาปัตยกรรม หมายรวมถึง อาคารและสิ่งก่อสร้าง ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องรอบ ๆ และภายในอาคารนั้น




องค์ประกอบสำคัญของสถาปัตยกรรม
จุดสนใจและความหมายของศาสตร์ทางสถาปัตยกรรมนั้น ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
บทความ De Architectura ของวิทรูเวียส ซึ่งเป็นบทความเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม ที่เก่าแก่ที่สุดที่เราค้นพบ ได้กล่าวไว้ว่า สถาปัตยกรรมต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสามส่วนหลักๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวและสมดุล อันได้แก่
ความงาม (Venustas)
ความมั่นคงแข็งแรง (Firmitas)
และ ประโยชน์ใช้สอย (Utilitas)






สถาปัตยกรรมไทยตัวอย่างของสถาปัตยกรรมไทย ได้แก่
เรือนไทย ซึ่งมีรูปแบบแตกต่างกันในแต่ละภาค
วัดไทย รวมถึง อุโบสถ วิหาร หอระฆัง เจดีย์
พระราชวัง ป้อมปราการ







สถาปัตยกรรมตะวันตก
ตัวอย่างเช่น บ้านเรือน โบสถ์ วิหาร ปราสาท ราชวัง ซึ่งมีทั้งสถาปัตยกรรมแบบโบราณ เช่น กอธิก ไบแซนไทน์ จนถึงแบบสมัยใหม่







สถาปัตยกรรม (Architecture) เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง อาคาร ที่อยู่อาศัยต่าง ๆ การวางผังเมือง การจัดผังบริเวณ การตกแต่งอาคาร การออกแบบก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานศิลปะ ที่มีขนาดใหญ่ต้องใช้ผู้สร้างงานจำนวนมาก และเป็นงานศิลปะ ที่มีอายุยืนยาว สถาปัตยกรรม เป็นวิธีการจัดสรรบริเวณที่ว่างให้เกิดประโยชน์ใช้สอยตามความต้องการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ศาสตร์ในสาขาต่าง ๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา และศิลปะ ความงดงาม และคุณค่าของสถาปัตยกรรม ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ดังนี้ คือ
1. การจัดสรรบริเวณที่ว่างให้สัมพันธ์กันของส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก 2. การจัดรูปทรงทางสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย และสิ่งแวดล้อม 3. การเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกลมกลืน
คลิ๊กที่รูป เพื่อดูภาพใหญ่
สถาปัตยกรรมแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ 1. ชนิดที่สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ หรือประกอบกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อาคาร บ้านเรือน โบสถ์ วิหาร ศาลา ฯลฯ 2. ชนิดที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างอื่น ๆ เช่น อนุสาวรีย์ เจดีย์ สะพาน เป็นต้น ผู้สร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรม เรียนว่า สถาปนิก (Architect)
คลิ๊กที่รูป เพื่อดูภาพใหญ่
6 สถาปนิกภายหลังสถาปัตยกรรม ยุคโมเดิร์นหลุยส์ ไอ คาห์น: จากสารัตถะแห่งอดีตกาลโรเบิร์ต เวนทูรี่: ความซับซ้อนและความขัดแย้งปีเตอร์ ไอเซนแมน: ไดอะแกรมกับการสูญสลายของภาพลักษณ์เลบเบียส วู้ดส์: สงคราม เครื่องจักร และสถาปัตยกรรมมาร์คอส โนแวค: ศิลปินแห่งไซเบอร์สเปซเกร็ก ลินน์: ในเรือนร่างและความซับซ้อน
เส้นทางเดินของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หรือโมเดิร์น (Modern architecture) ซึ่งพาดผ่าน ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 จวบจนกลางศตวรรษที่ 20 ได้พลิกโฉมกระบวนทัศน์ของมนุษย์ ไปสู่ระบบการคิดและปฏิบัติในเชิงจักรกล อีกทั้งยังเชิดชู 'สุนทรีภาพของจักรกล' ขึ้นมาแทนคุณค่าของ 'มนุษย์' อย่างหมดสิ้น เป็นชั่วขณะหนึ่ง ที่สถาปัตยกรรมได้ถูกสรรค์สร้างขึ้น เพื่อทำหน้าที่ดั่งเครื่องจักร ในการตอบสนองพฤติกรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสังคม ภายใต้แก่นความคิดหลักที่ขนานนามกันว่า 'เหตุผลนิยม (Rationalism)' มากไปกว่าการมุ่งตอบสนองในเชิงศิลปะ หรือศรัทธาทางศาสนาดังเช่นอดีต ต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมโมเดิร์นนั้น อาจเป็นไปตามที่เจอร์เก้น ฮาแบร์มัส (Jurgen Habermas) นักปรัชญาชาวเยอรมันได้กล่าวไว้ว่า เกิดจากผลกระทบ ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อันท้าทายต่อรูปแบบสถาปัตยกรรม3 ประการ คือ
1. ความต้องการใหม่เชิงคุณภาพ ในการออกแบบสถาปัตยกรรม2. วัสดุใหม่ และเทคนิคในการก่อสร้าง3. การโอนอ่อนของสถาปัตยกรรม ต่อประโยชน์ใช้สอยใหม่ๆ
สถาปนิกตะวันตกจำนวน 6 ท่าน (หลุย ไอ คาห์น, โรเบิร์ต เวนทูรี่, ปีเตอร์ ไอเซนแมน, เลบเบียส วู้ดส์, มาร์คอส โนแวค และเกร็ก ลินน์) ในหนังสือเล่มนี้ เป็นตัวแทนของความเคลื่อนไหวในสถาปัตยกรรม ที่พยายามนำเสนอคำตอบ หรือบทวิพากษ์ ต่อสกุลความคิดแบบโมเดิร์น (a critique of Modernism) ในหนทางที่แตกต่างกัน อันถือเป็นความเคลื่อนไหวในช่วงท้ายสุด ก่อนที่ทศวรรษที่ 20 ล่วงพ้นไป นักคิดเหล่านี้ ต่างช่วยกันผลักดันสถาปัตยกรรม ให้หลุดพันไปจากหนทางอันตีบตันเดิมๆ ถึงแม้ว่าบางแนวทางขัดแย้งกันเอง หรือคงอยู่เพียงชั่วคราว
บทความเกี่ยวกับสถาปนิกทั้ง 6 ไม่อาจครอบคลุมกระแสความคิดทางสถาปัตยกรรม หลังโมเดิร์นได้ครบถ้วน แต่น่าจะให้ภาพรวมได้ในระดับหนึ่ง โดยเริ่มต้นที่ หลุย คาห์น ผู้เป็นสถาปนิกในช่วงรอยต่อระหว่างโมเดิร์นตอนปลาย และโพสต์โมเดิร์น จนถึงมาร์คอส โนแวค ผู้นำสถาปัตยกรรมล้ำเข้าไปสู่โลกของไซเบอร์สเปซ อันไร้ตัวตนทางกายภาพ และท่ามกลางจุดเชื่อมต่อแห่งสหัสวรรษที่เพิ่งผ่านพ้นไป.